คอมเซ็ท (Comp Set) คืออะไร
คอมเซ็ท หรือ Competitive Set หมายถึงกลุ่มโรงแรมคู่แข่งที่มีความใกล้เคียงกับโรงแรมของคุณมากที่สุด ทั้งในด้านทำเล ราคา กลุ่มลูกค้า และสิ่งอำนวยความสะดวก โรงแรมมักใช้คอมเซ็ทเพื่อเปรียบเทียบอัตราค่าห้องพัก (ADR - Average Daily Rate), อัตราการเข้าพัก (Occupancy Rate) และรายได้ต่อห้อง (RevPAR - Revenue Per Available Room)
ทำไมโรงแรมต้องกำหนดคอมเซ็ท
- ตั้งราคาห้องพักให้แข่งขันได้
- วิเคราะห์จุดแข็ง-จุดอ่อนของคู่แข่ง
- ปรับกลยุทธ์การตลาดให้เหมาะสม
- เข้าใจแนวโน้มตลาดและพฤติกรรมลูกค้า
การเลือกคอมเซ็ทที่แม่นยำช่วยให้โรงแรมของคุณสามารถแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพและไม่พลาดโอกาสในการทำกำไร
6 เกณฑ์ง่ายๆ ในการกำหนดคอมเซ็ทของโรงแรม
1. โลเคชั่น (Location)
โรงแรมที่อยู่ในพื้นที่เดียวกันมักเป็นคู่แข่งโดยธรรมชาติ เพราะนักท่องเที่ยวมักเลือกพักในโซนที่เดินทางสะดวก หรือใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ เช่น
- โรงแรมที่อยู่ใกล้สนามบินมักแข่งกันเอง
- โรงแรมในย่านธุรกิจจะแข่งกับโรงแรมในพื้นที่เดียวกัน
- โรงแรมที่อยู่ใกล้ศูนย์ประชุมมักแข่งขันกันดึงดูดลูกค้าธุรกิจ
คำแนะนำ: ลองค้นหาโรงแรมในระแวกเดียวกันบน Google Maps, Booking.com หรือแพลตฟอร์ม OTA อื่นๆ เพื่อดูว่าใครเป็นคู่แข่งหลักของคุณ
2. ระดับดาวของโรงแรม (Star Rating)
ระดับดาวของโรงแรมมีผลต่อการกำหนดคู่แข่งโดยตรง เพราะลูกค้าส่วนใหญ่จะเปรียบเทียบโรงแรมที่มีมาตรฐานเดียวกัน เช่น
- โรงแรม 5 ดาว แข่งกับโรงแรม 5 ดาวด้วยกัน
- โรงแรม 3 ดาว แข่งกับโรงแรม 3 ดาว ไม่ใช่กับโรงแรม 5 ดาว
อย่าเลือกโรงแรมที่มีระดับดาวแตกต่างกันมาก เพราะลูกค้ากลุ่มเป้าหมายและการตั้งราคาจะไม่เหมือนกัน
3. ราคาห้องพัก (Price Range)
ลูกค้ามักจะเลือกโรงแรมที่อยู่ในช่วงราคาเดียวกัน การกำหนดคอมเซ็ทจึงต้องพิจารณาจากราคาห้องพักเฉลี่ย (ADR - Average Daily Rate) เช่น
- โรงแรมของคุณมีราคาห้องพักเฉลี่ย 3,000 บาท/คืน คู่แข่งก็คือโรงแรมที่ตั้งราคาอยู่ในช่วงใกล้เคียงกัน เช่น 2,800 - 3,500 บาท/คืน
- โรงแรมที่ขายในราคาถูกกว่าหรือแพงกว่ามากเกินไปอาจไม่ใช่คู่แข่งที่แท้จริง เพราะลูกค้าที่จองอาจมีพฤติกรรมและความคาดหวังที่ต่างกัน
ราคาห้องพักเพียงอย่างเดียวอาจยังไม่เพียงพอ ต้องดูปัจจัยอื่นร่วมด้วย เช่น สิ่งอำนวยความสะดวกและกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
4. ตลาดและกลุ่มลูกค้า (Target Market & Guest Segments)
หากโรงแรมของคุณเจาะกลุ่มลูกค้าเฉพาะ การเลือกคอมเซ็ทควรพิจารณาจากกลุ่มเป้าหมาย เช่น
- โรงแรมของคุณรองรับนักธุรกิจ คู่แข่งของคุณก็คือโรงแรมที่มีบริการสำหรับนักธุรกิจ เช่น ห้องประชุม อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และที่ตั้งใกล้อาคารสำนักงาน
- โรงแรมของคุณเป็นที่พักสำหรับนักท่องเที่ยวแบ็คแพ็คเกอร์ คู่แข่งของคุณก็คือโฮสเทลหรือที่พักราคาประหยัด
หากโรงแรมของคุณรองรับลูกค้าหลายกลุ่ม อาจต้องแบ่งคู่แข่งออกเป็นกลุ่มย่อยตามกลุ่มเป้าหมาย
5. ประเภทโรงแรม (Hotel Type)
ประเภทของโรงแรมก็มีผลต่อการกำหนดคอมเซ็ท เช่น
- บูทีคโฮเทลควรเปรียบเทียบกับบูทีคโฮเทลอื่นๆ ไม่ใช่โรงแรมเครือใหญ่
- โรงแรมรีสอร์ทควรเปรียบเทียบกับรีสอร์ท ไม่ใช่โรงแรมในเมือง
- โรงแรมแบบเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ควรแข่งกับโรงแรมที่ให้บริการแบบเดียวกัน
การกำหนดคู่แข่งที่ประเภทโรงแรมคล้ายกันช่วยให้คุณเปรียบเทียบคุณภาพและกลยุทธ์ทางการตลาดได้อย่างแม่นยำมากขึ้น
6. สิ่งอำนวยความสะดวกและบริการ (Amenities & Facilities)
สิ่งอำนวยความสะดวกของโรงแรมมีผลต่อการเลือกคอมเซ็ท เพราะลูกค้าจะเลือกโรงแรมที่ให้บริการตรงกับความต้องการ เช่น
- หากโรงแรมของคุณมีห้องสัมมนา คู่แข่งก็คือโรงแรมที่มีห้องสัมมนาและรองรับกลุ่มลูกค้าองค์กร
- หากโรงแรมของคุณมีสระว่ายน้ำและฟิตเนส คู่แข่งก็คือโรงแรมที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกประเภทเดียวกัน
- หากโรงแรมของคุณเป็นที่พักสำหรับครอบครัว คู่แข่งของคุณก็คือโรงแรมที่มีห้องพักแบบแฟมิลี่และพื้นที่สำหรับเด็ก
การเปรียบเทียบกับโรงแรมที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใกล้เคียงกันช่วยให้คุณสามารถวางกลยุทธ์การตลาดและปรับราคาห้องพักให้เหมาะสม
สรุป
การกำหนดคอมเซ็ทของโรงแรมไม่ใช่แค่การดูราคาเพียงอย่างเดียว แต่ต้องพิจารณาจาก 6 ปัจจัยหลัก ได้แก่
- โลเคชั่น
- ระดับดาวของโรงแรม
- ราคาห้องพัก
- ตลาดและกลุ่มลูกค้า
- ประเภทโรงแรม
- สิ่งอำนวยความสะดวกและบริการ
เมื่อกำหนดคอมเซ็ทที่เหมาะสมแล้ว โรงแรมสามารถใช้ข้อมูลเหล่านี้ในการปรับกลยุทธ์การตั้งราคา วางแผนการตลาด และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดที่พักได้อย่างมีประสิทธิภาพ