4 ช่องทางหลักในการขายห้องพักโรงแรม

ในโลกของการจัดการรายได้โรงแรมที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา การเข้าใจและการบริหารจัดการช่องทางการจัดจำหน่ายถือเป็นสิ่งสำคัญ ช่องทางการจัดจำหน่ายหมายถึงแพลตฟอร์มและวิธีการต่างๆ ที่โรงแรมใช้ในการขายห้องพักให้กับลูกค้า การเข้าใจและบริหารจัดการช่องทางเหล่านี้อย่างมีประสิทธิภาพสามารถส่งผลกระทบต่ออัตราการเข้าพัก รายได้ และความสำเร็จโดยรวมของโรงแรมได้อย่างมาก มาทำความรู้จักกับประเภทหลักของช่องทางการจัดจำหน่ายของโรงแรมและการทำงานของแต่ละช่องทางกันเถอะ

1. ช่องทางการจองตรง

เว็บไซต์ของโรงแรม:

ช่องทางการจัดจำหน่ายที่ทำกำไรได้มากที่สุดสำหรับโรงแรมใดๆ ก็คือเว็บไซต์ของตนเอง การจองโดยตรงผ่านเว็บไซต์ของโรงแรมช่วยลดค่าคอมมิชชั่นที่ต้องจ่ายให้กับบุคคลที่สาม ทำให้โรงแรมสามารถเพิ่มรายได้สูงสุด การลงทุนในเว็บไซต์ที่ใช้งานง่ายและรองรับการใช้งานบนมือถือ รวมถึงระบบจองที่มีประสิทธิภาพเป็นสิ่งจำเป็น

แอปพลิเคชันมือถือ:

ด้วยแนวโน้มการใช้งานมือถือที่เพิ่มขึ้น การมีแอปพลิเคชันมือถือเฉพาะสามารถเพิ่มการจองโดยตรงได้ แอปพลิเคชันให้ประสบการณ์การจองที่ราบรื่นและเป็นส่วนตัว ช่วยสร้างความภักดีของลูกค้าและการจองซ้ำ

โซเชียลมีเดีย:

แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียเช่น Facebook, Instagram และ Twitter สามารถขับเคลื่อนการจองโดยตรงผ่านการโฆษณาที่ตรงเป้าหมายและเนื้อหาที่น่าสนใจ การใช้วิดเจ็ตการจองและลิงก์โดยตรงในโซเชียลมีเดียสามารถช่วยให้กระบวนการจองง่ายขึ้น

แอปพลิเคชันส่งข้อความ:

แพลตฟอร์มเช่น WhatsApp, Line และ Facebook Messenger กำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นสำหรับการจองโรงแรม แอปเหล่านี้เน้นการสื่อสารโดยตรงและเป็นส่วนตัวกับลูกค้า ทำให้โรงแรมสามารถเสนอข้อเสนอที่เหมาะสมและการสนับสนุนทันที ช่วยเพิ่มประสบการณ์การจองโดยรวม

2. ช่องทางการจองทางอ้อม

ตัวแทนการท่องเที่ยวออนไลน์ (OTAs):

OTAs เช่น Booking.com, Expedia และ Agoda เป็นผู้เล่นหลักในภูมิทัศน์การจัดจำหน่ายของโรงแรม พวกเขาให้การเข้าถึงและความสามารถในการมองเห็นกว้างขวางแก่ผู้ชมทั่วโลก อย่างไรก็ตาม พวกเขาคิดค่าคอมมิชชั่นซึ่งอาจมีผลกระทบต่อกำไรของโรงแรม

ระบบการจัดจำหน่ายทั่วโลก (GDS):

GDS เช่น Amadeus, Sabre และ Travelport เชื่อมต่อโรงแรมกับตัวแทนการท่องเที่ยวทั่วโลก พวกเขาเป็นช่องทางสำคัญในการเข้าถึงนักท่องเที่ยวทางธุรกิจและผู้ที่จองผ่านตัวแทนการท่องเที่ยว แม้ว่า GDS จะมีค่าธรรมเนียม แต่พวกเขาให้การเข้าถึงกลุ่มตลาดสำคัญ

เครื่องมือค้นหาตัวแทนการท่องเที่ยว:

แพลตฟอร์มเช่น Google Hotel Ads, Trivago และ Kayak รวบรวมอัตราค่าห้องจากแหล่งต่างๆ รวมถึง OTAs และเว็บไซต์ของโรงแรม พวกเขาช่วยให้ผู้ที่มีแนวโน้มจะเป็นลูกค้าสามารถเปรียบเทียบราคาและตัดสินใจอย่างมีข้อมูล การเข้าร่วมโฆษณาบนเครื่องมือค้นหาตัวแทนการท่องเที่ยวสามารถขับเคลื่อนการเข้าชมไปยังเว็บไซต์ของโรงแรม ส่งเสริมการจองโดยตรง

ผู้ค้าส่ง/ธนาคารเตียง:

ผู้ค้าส่งหรือธนาคารเตียงซื้อห้องพักจำนวนมากจากโรงแรมและขายต่อให้กับ OTAs, ผู้ประกอบการท่องเที่ยว และตัวแทนการท่องเที่ยว ช่องทางนี้สามารถช่วยเติมเต็มห้องพักในช่วงที่มีความต้องการต่ำ แต่ราคาห้องมักจะต่ำกว่า ซึ่งมีผลกระทบต่ออัตรารายวันเฉลี่ย (ADR) ของโรงแรม

3. ช่องทางการจองแบบออฟไลน์

ตัวแทนการท่องเที่ยว:

ตัวแทนการท่องเที่ยวแบบดั้งเดิมยังคงมีบทบาทในการจองห้องพัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับกลุ่มลูกค้าบางกลุ่มและแผนการเดินทางที่ซับซ้อน พวกเขาใช้ GDS ในการจองห้องพักและอาจคิดค่าคอมมิชชั่นสำหรับบริการของพวกเขา

ผู้ประกอบการท่องเที่ยว:

ผู้ประกอบการท่องเที่ยวรวมแพ็คเกจการเข้าพักโรงแรมกับส่วนประกอบการเดินทางอื่นๆ เช่น เที่ยวบิน การเดินทาง และกิจกรรม ช่องทางนี้แพร่หลายในกลุ่มการท่องเที่ยวเพื่อการพักผ่อนและการจองกลุ่ม การร่วมมือกับผู้ประกอบการท่องเที่ยวสามารถช่วยให้โรงแรมเข้าถึงตลาดใหม่และมีการจองอย่างสม่ำเสมอ

แพลตฟอร์มการจองสำหรับองค์กร:

หลายธุรกิจใช้บริษัทบริหารการเดินทางองค์กรในการจองที่พักสำหรับพนักงานของพวกเขา โรงแรมที่สร้างความสัมพันธ์กับบริษัทเหล่านี้สามารถรักษาการจองการเดินทางทางธุรกิจได้อย่างสม่ำเสมอ

4. ช่องทางการจองทางเลือก

แพลตฟอร์มเช่าที่พักสำหรับวันหยุด:

เว็บไซต์เช่น Airbnb และ Vrbo ได้ขยายขอบเขตจากบ้านส่วนตัวมารวมถึงโรงแรมขนาดเล็กและที่พักที่มีเอกลักษณ์ การลงรายการในแพลตฟอร์มเหล่านี้สามารถดึงดูดนักเดินทางที่ต้องการประสบการณ์ที่โดดเด่น

แอปพลิเคชันการจองนาทีสุดท้าย:

แอปพลิเคชันเช่น HotelTonight มุ่งเป้าหมายนักเดินทางที่มีความต้องการจองในนาทีสุดท้าย โรงแรมสามารถใช้แพลตฟอร์มเหล่านี้เพื่อเติมเต็มสินค้าคงคลังที่ไม่ได้ขายในราคาลดพิเศษ เพื่อให้มั่นใจในอัตราการเข้าพักที่สูงสุด

การเพิ่มประสิทธิภาพกลยุทธ์ช่องทางการจัดจำหน่าย

เพื่อเพิ่มรายได้และอัตราการเข้าพัก โรงแรมต้องนำกลยุทธ์การจัดจำหน่ายที่สมดุลมาใช้ นี่คือเคล็ดลับบางประการ:

1. วิเคราะห์ประสิทธิภาพ: ประเมินประสิทธิภาพของแต่ละช่องทางการจัดจำหน่ายเป็นประจำ ระบุว่าช่องทางใดให้รายได้และอัตราการเข้าพักสูงสุดและปรับกลยุทธ์ของคุณให้เหมาะสม

2. จัดการค่าคอมมิชชั่น: ระมัดระวังค่าคอมมิชชั่นที่เกี่ยวข้องกับแต่ละช่องทาง แม้ว่า OTAs และ GDS จะให้การเข้าถึงที่กว้างขวาง การปรับสมดุลการใช้งานของพวกเขากับความพยายามในการจองโดยตรงสามารถปกป้องกำไรได้

3. รักษาความเท่าเทียมของอัตรา: ให้แน่ใจว่าราคามีความสม่ำเสมอในทุกช่องทางเพื่อหลีกเลี่ยงความสับสนและสร้างความไว้วางใจกับลูกค้า ใช้ผู้จัดการช่องทางเพื่ออัปเดตราคาและความพร้อมใช้งานแบบเรียลไทม์

4. ใช้เทคโนโลยี: ลงทุนในระบบจัดการทรัพย์สิน (PMS) และผู้จัดการช่องทางที่มีประสิทธิภาพเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานและปรับปรุงการจัดจำหน่าย

5. มีส่วนร่วมในตลาด: ใช้เทคนิคการตลาดดิจิทัลเช่น SEO,

PPC, การตลาดทางอีเมล และโซเชียลมีเดียเพื่อขับเคลื่อนการจองโดยตรง ข้อเสนอที่ปรับเปลี่ยนได้และโปรแกรมความภักดีสามารถกระตุ้นการจองซ้ำได้

สรุป

การเข้าใจและบริหารจัดการช่องทางการจัดจำหน่ายของโรงแรมอย่างมีประสิทธิภาพเป็นพื้นฐานของการจัดการรายได้ที่ประสบความสำเร็จ การใช้ประโยชน์จากการผสมผสานของช่องทางการจองโดยตรง โดยอ้อม ออฟไลน์ และทางเลือก โรงแรมสามารถเข้าถึงผู้ชมที่หลากหลาย เพิ่มอัตราการเข้าพัก และเพิ่มผลกำไร การทบทวนและปรับกลยุทธ์การจัดจำหน่ายของคุณอย่างสม่ำเสมอจะทำให้โรงแรมของคุณมีความสามารถในการแข่งขันในตลาดที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา