ระบบโรงแรมมีหลายประเภทแยกย่อยไปตามส่วนงานของโรงแรม ราคาของแต่ละระบบจึงมีความแตกต่างกันมากซึ่งต้องลงรายละเอียดเพิ่มเติมในแต่ละประเภทของระบบ เช่น PMS, Channel Manager, Booking Engine, ระบบห้องอาหาร และ อื่นๆอีกมากมาย คุณสามารถดูเพิ่มเติมว่าระบบโรงแรมมีอะไรบ้างได้ที่นี่

ในบทความนี้เราจะพูดถึงการคิดราคาของระบบจัดการโรงแรมหลัก – Property Management System (PMS)

ราคาของระบบโรงแรม

ก่อนอื่น การคิดราคาของผู้ให้บริการแต่ละรายจะแตกต่างกันไป ไม่มีราคาตายตัว ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ แต่วิธีการคิดราคาจะแบ่งเป็นประเภทย่อยๆตามนี้

โมเดลค่าบริการ

• ราคารายเดือน (Subscription) – ราคาเริ่มต้นที่หลักร้อยเป็นต้นไป
• ราคาแบบจ่ายครั้งเดียว (One time license) – ราคาเริ่มต้นที่หลักหมื่นเป็นต้นไป

ปัจจัยที่มีผลต่อราคา

ประเภทของระบบ PMS

ระบบ PMS แบบ On-premise

• ติดตั้งซอฟต์แวร์บนเซิร์ฟเวอร์ของโรงแรมเอง
• เหมาะสำหรับโรงแรมขนาดใหญ่ ต้องการความยืดหยุ่นสูง
• ราคาจะสูงกว่าระบบ Cloud-based

ระบบ PMS แบบ Cloud-based

• ใช้งานผ่านอินเทอร์เน็ต ไม่ต้องติดตั้งซอฟต์แวร์เอง
• เหมาะสำหรับโรงแรมขนาดเล็กถึงขนาดกลาง ใช้งานง่าย สะดวก
• ราคาจะถูกกว่าระบบ On-premise

ฟีเจอร์ของระบบ PMS

ระบบพื้นฐาน

• ฟีเจอร์จำกัด เช่น จองห้องพัก เช็คอิน-เช็คเอาท์ จัดการ housekeeping
• เหมาะสำหรับโรงแรมขนาดเล็ก

ระบบมาตรฐาน

• ฟีเจอร์ครบครัน เพิ่มเติมจากระบบพื้นฐาน เช่น ระบบบริหารรายได้ ระบบ CRM รายงานวิเคราะห์
• เหมาะสำหรับโรงแรมขนาดกลาง

ระบบขั้นสูง

• ฟีเจอร์ครบครัน รองรับผู้ใช้งานจำนวนมาก ฟังก์ชั่นพิเศษ เช่น โมดูล POS ระบบจองร้านอาหาร ระบบจัดการสปา
• เหมาะสำหรับโรงแรมขนาดใหญ่ ราคาประมาณ 100,000 บาทขึ้นไป

ขนาดของโรงแรม

ราคาของระบบบริการจัดการโรงแรมส่วนใหญ่จะแปรผันไปตามจำนวนห้องพักที่โรงแรมมี เช่น โรงแรมมี100ห้อง ผู้ให้บริการคิดราคา2,000บาทต่อห้อง โรงแรมต้องจ่าย 200,000บาท ต่อเดือนหรือครั้งเดียวอยู่ที่โรงแรมเลือกโมเดลการคิดราคา เป็นต้น

บทความนี้อธิบายโครงสร้างการกำหนดราคาของระบบจัดการโรงแรมต่างๆ โดยเน้นไปที่ Property Management System (PMS) ซึ่งเป็นระบบหลักในการบริหารจัดการโรงแรม ระบบ PMS มีสองแบบหลัก คือ On-premise สำหรับโรงแรมขนาดใหญ่ที่ต้องการความยืดหยุ่นสูง และ Cloud-based สำหรับโรงแรมขนาดเล็กถึงกลางที่ต้องการความสะดวกในการใช้งาน ราคาของระบบ PMS แตกต่างกันไปตามความสามารถของระบบ ตั้งแต่ระบบพื้นฐานไปจนถึงระบบขั้นสูงที่รองรับการใช้งานหลากหลายฟีเจอร์ นอกจากนี้ ราคาของระบบยังขึ้นอยู่กับขนาดของโรงแรมด้วย โดยระบบคิดราคาตามจำนวนห้องพัก ซึ่งสามารถเลือกได้ว่าจะจ่ายเป็นรายเดือนหรือจ่ายครั้งเดียว แต่ละระบบจึงมีราคาและความคุ้มค่าที่แตกต่างกันออกไปตามความต้องการของแต่ละโรงแรม