Occ Rate คืออะไร?
อัตราการเข้าพัก (Occupancy Rate) หรือ OCC เป็นตัวชี้วัดสำคัญสำหรับธุรกิจโรงแรม โดยแสดงถึงเปอร์เซ็นต์ของห้องพักทั้งหมดที่มีการขายในช่วงเวลาที่กำหนด อัตราการเข้าพักที่สูง หมายความว่าโรงแรมมีประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากรและสร้างรายได้
วิธีการคำนวณอัตราการเข้าพัก
อัตราการเข้าพัก = (จำนวนห้องพักที่ขายได้ / จำนวนห้องพักทั้งหมด) * 100
ตัวอย่าง
สมมติว่าโรงแรมมีจำนวนห้องพัก 100 ห้อง และขายห้องพักได้ 80 ห้อง
อัตราการเข้าพัก = (80 / 100) * 100 = 20%
แต่อย่าคำนวณเองให้ยุ่งยากเลย ใช้เครื่องมือคำนวณฟรีได้ที่นี่
OCC หรือ Occupancy Rate สำคัญสำหรับธุรกิจโรงแรมอย่างไร?
ใช้วัดผลการดำเนินงาน
- OCC บ่งบอกถึงประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากรของโรงแรม
- OCC สูง หมายความว่า โรงแรมสามารถใช้ห้องพักได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- OCC ต่ำ หมายความว่า โรงแรมมีห้องพักว่างเปล่า
ใช้วิเคราะห์ความต้องการตลาด
- OCC บ่งบอกถึง demand ของลูกค้า
- OCC สูง หมายความว่า มี demand สูง
- OCC ต่ำ หมายความว่า มี demand ต่ำ
ใช้กำหนดกลยุทธ์ทางการตลาด
- OCC ใช้เพื่อกำหนดกลยุทธ์ทางการตลาด
- OCC สูง อาจจะต้องปรับราคาขึ้น
- OCC ต่ำ อาจจะต้องปรับราคาลง
ใช้ติดตามผลลัพธ์ของกลยุทธ์
- OCC ใช้เพื่อติดตามผลลัพธ์ของกลยุทธ์
- OCC ที่เพิ่มขึ้น หมายความว่า กลยุทธ์มีประสิทธิภาพ
- OCC ที่ลดลง หมายความว่า กลยุทธ์ไม่มีประสิทธิภาพ
ใช้เปรียบเทียบกับคู่แข่ง
- OCC ใช้เพื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่ง
- OCC สูงกว่าคู่แข่ง หมายความว่า โรงแรมมีประสิทธิภาพ
- OCC ต่ำกว่าคู่แข่ง หมายความว่า โรงแรมมีประสิทธิภาพต่ำ
ปัจจัยที่มีผลต่ออัตราการเข้าพักมีอะไรบ้าง
1. ฤดูกาล
- โดยทั่วไป ฤดูท่องเที่ยวจะมี OCC สูง
- ฤดูLow Season จะมี OCC ต่ำ
2. สถานที่ตั้ง
- โรงแรมในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม มี OCC สูง
- โรงแรมในสถานที่ห่างไกล มี OCC ต่ำ
3. ราคา
- ราคาที่แข่งขันได้ จะดึงดูดลูกค้า
- ราคาที่สูงเกินไป จะทำให้ลูกค้าเลือกพักที่อื่น
4. สิ่งอำนวยความสะดวก
- สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ตอบสนองความต้องการลูกค้า
- สิ่งอำนวยความสะดวกไม่ครบครัน ลูกค้าอาจเลือกพักที่อื่น
5. บริการ
- บริการที่ดี ประทับใจลูกค้า
- บริการไม่ดี ลูกค้าอาจไม่กลับมาพักอีก
6. กลยุทธ์ทางการตลาด
- กลยุทธ์ทางการตลาดที่มีประสิทธิภาพ ดึงดูดลูกค้า
- กลยุทธ์ทางการตลาดที่ไม่มีประสิทธิภาพ ลูกค้าอาจไม่รู้จักโรงแรม
7. สภาพเศรษฐกิจ
- เศรษฐกิจดี ลูกค้ามีกำลังซื้อ
- เศรษฐกิจไม่ดี ลูกค้าอาจประหยัดค่าใช้จ่าย
8. การแข่งขัน
- การแข่งขันสูง ทำให้ลูกค้ามีตัวเลือกเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้กระทบต่อOcc Rateได้
9. เหตุการณ์พิเศษ
- งานเทศกาล หรืองานสำคัญ ส่งผลให้ระดับOccพุ่งสูงขึ้นได้
- ไม่มีงานพิเศษ
10. รีวิวออนไลน์
- ชื่อเสียงหรือคะแนนรีวิวของโรงแรมดีหรือไม่
กลยุทธ์เพิ่มอัตราการเข้าพัก
- เสนอราคาที่แข่งขันได้
- พัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกและบริการใหม่
- ปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกและบริการที่มีอยู่
- มุ่งเน้นไปที่ความต้องการของลูกค้าเป้าหมาย
- เพิ่มช่องทางการจอง
- เข้าร่วมงานแสดงสินค้าและงานอีเวนต์
- ทำงานร่วมกับบริษัทท่องเที่ยว
- โฆษณาในสื่อต่างๆ
- ใช้โซเชียลมีเดียเพื่อโปรโมทร้านค้า
- เสนอโปรแกรมสมาชิก
- มอบบริการลูกค้าที่ยอดเยี่ยม
- จัดการข้อร้องเรียนของลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ
- ขอความคิดเห็นจากลูกค้า
ข้อจำกัดของการใช้ Occupancy Rate (OCC)
1. ไม่ได้วัดผลกำไร
- OCC สูง ไม่ได้แปลว่า โรงแรมมีกำไร
- OCC ต่ำ ไม่ได้แปลว่า โรงแรมขาดทุน
2. ไม่ได้วัดความพึงพอใจของลูกค้า
- OCC สูง ไม่ได้แปลว่า ลูกค้าพึงพอใจ
- OCC ต่ำ ไม่ได้แปลว่า ลูกค้าไม่พึงพอใจ
3. ไม่ได้วัดความภักดีของลูกค้า
- OCC สูง ไม่ได้แปลว่า ลูกค้าจะกลับมาพักอีก
- OCC ต่ำ ไม่ได้แปลว่า ลูกค้าจะไม่กลับมาพักอีก
4. ไม่ได้วัดผลของกลยุทธ์ทางการตลาดทั้งหมด
- OCC สูง อาจจะมาจากปัจจัยอื่นๆ
- OCC ต่ำ อาจจะมาจากปัจจัยอื่นๆ
5. ไม่ได้เปรียบเทียบกับคู่แข่งโดยตรง
- OCC สูง ไม่ได้แปลว่า โรงแรมมีประสิทธิภาพดีกว่าคู่แข่ง
- OCC ต่ำ ไม่ได้แปลว่า โรงแรมมีประสิทธิภาพด้อยกว่าคู่แข่ง
ตัวชี้วัดอื่นๆ ที่คุณอาจจะสนใจ: รวมKPIsที่สำคัญสำหรับโรงแรม